Gen Y กดเลิฟ แค่บริหารตาม 3 ขั้นตอนแบบชิวๆ

  • 24 Jan 2025
  • 3661
หางาน,สมัครงาน,งาน,Gen Y กดเลิฟ แค่บริหารตาม 3 ขั้นตอนแบบชิวๆ

ปัจจุบัน Gen Y  เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น องค์กรจึงต้องปรับเปลี่ยนให้กลุ่มพนักงานที่อยู่มาก่อนแต่แตกต่างจาก Gen Y อย่างสุดขั้ว อย่าง Gen B หรือ Baby Boomer ให้สามารถร่วมงานกันได้อย่างราบรื่น เพื่อรักษาพนักงานที่มีความสามารถให้อยู่กับองค์กรต่อไป ซึ่งเทคนิคการบริหารก็มี 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้

 

 

1.เข้าใจ

Gen B เกิดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2  ซึ่งประเทศต้องเร่งฟื้นฟูแต่ขาดแรงงาน จึงมีค่านิยมที่ให้มีลูกเยอะๆ เพื่อสร้างแรงงานขึ้นมาพัฒนาประเทศ เป็นกลุ่มที่เคารพกฎเกณฑ์ มีความอดทนสูง พยายามคิดและทำอะไรด้วยตัวเอง เป็นเจ้าคนนายคน

Gen Y เกิดในยุคที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต พ่อแม่จึงประสบความสำเร็จและสามารถดูแลคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี จึงมักจะถูกตามใจตั้งแต่เด็ก มีการศึกษาดี รับเอาความเจริญรุดหน้าของเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน ไม่ชอบถูกบังคับให้อยู่ในกรอบ คนกลุ่มนี้เริ่มเข้าสู่วัยทำงาน หวังทำงานที่เงินเดือนสูงแต่ไม่อยากไต่เต้าจากข้างล่าง และหลังเลิกงานอาจไปทำกิจกรรมอื่นเพื่อสร้างความสุขให้กับตัวเอง จะไม่ค่อยหมกมุ่นอยู่กับงานเหมือนคนรุ่นก่อน

 

 

2.ปรับเปลี่ยนให้สมดุล

จากพฤติกรรมของทั้ง 2 กลุ่มที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ได้รับมา ตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กรส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเรื่องของความตรงต่อเวลา ซึ่ง Gen B ที่อยู่ในระดับหัวหน้าจะให้ความสำคัญมากกว่าและเมื่อ Gen Y มาทำงานสายอาจเกิดความไม่พอใจ เพราะมองว่าส่งผลให้ได้งานที่ล่าช้าและไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร จึงมีการลงโทษด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การหักเงินเดือน จึงทำให้ Gen Y ลาออกจากงานไปในที่สุด ซึ่งถ้าบุคคลนั้นเป็นผู้ที่มีความสามารถ องค์กรก็จะเสียโอกาสในการก้าวหน้าไประดับหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเลยก็ว่าได้

แต่การแก้ปัญญานี้ องค์กรก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนที่สามารถสร้างความพอใจให้กับทั้ง 2 กลุ่มได้อย่างสมดุล เช่น เปลี่ยนเวลาการเข้างานที่ยืดหยุ่นต่อความสะดวกของพนักงานมากขึ้น โดยมีเงื่อนไขว่างานต้องเสร็จตามเวลาและมีคุณภาพตามเป้าหมายที่กำหนดไว้เท่านั้น แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ต้องยอมรับการลงโทษตามกฎระเบียบขององค์กร Gen B ก็จะมั่นใจในผลลัพธ์ของงานจาก Gen Y ได้มากขึ้น และ Gen Y ก็จะมีอิสระตามที่ต้องการ ในขณะเดียวกันก็จะมีความตั้งใจทำงานมากยิ่งขึ้น เพราะไม่อยากโดนลงโทษ แต่ถ้าต้องโดนก็จะยอมรับได้มากกว่า เพราะเป็นการลงโทษที่มาจากการกระทำของตัวเอง

 

 

3.ประเมินผลและปรับปรุง

ส่วนใหญ่แล้วหลักการประเมินผลการทำงานของพนักงานจะวัดจากค่า KPI หรือ Key Performance Indicator  ซึ่งหมายถึง ตัวชี้วัดผลงานหรือความสำเร็จของงานที่องค์กรจะต้องแสดงให้เห็นรายละเอียดในความสำเร็จหรือล้มเหลวของงานนั้นๆ โดยแยกเป็น

Key  คือ เป้าหมายหลัก

Performance คือ ประสิทธิภาพ

Indicator คือ ตัวชี้วัด

เช่น เมื่อองค์กรยืดหยุ่นเวลาการเข้างาน พนักงาน A ได้รับมอบหมายให้ออกแบบโปสเตอร์โฆษณาของลูกค้ารายใหญ่ โดยจะต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน และต้องได้งานที่มีคุณภาพสูงตามที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ลูกค้าจ่ายเงินในราคาเต็ม ซึ่งหากพนักงาน A ไม่สามารถทำได้ จะไม่ได้รับโบนัสประจำปี

วิธีวัดผล

Key: โบนัสประจำปี

Performance:  ผลงานเสร็จภายใน 1 เดือน

Indicator:  ลูกค้าพอใจและจ่ายเงินในราคาเต็ม

 

หากผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่องค์กรต้องการ องค์กรก็ต้องปรับปรุงโดยการวิเคราะห์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนเพื่อแก้ปัญหานั้นให้ได้พร้อมกับประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนอกจากจะได้ผลงานที่มีคุณภาพมากขึ้นแล้ว ยังมีพนักงานที่มีความสามารถอย่าง Gen Y ที่จะเพิ่มโอกาสให้องค์กรก้าวหน้าต่อไปด้วยความแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย

 

JOBBKK.COM © Copyright All Right Reserved

Jobbkk has only one website. In no case, we have an affiliate, agent or appointee. Please do not rely on any other website, email, telephone, SMS or other contacting channel. If it is a case, we will prosecute under a lawsuit in the upmost as allowed. DBD

Top